สำหรับกีฬาบิลเลียดในประเทศไทย หากจะพูดถึงนักกีฬา ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด คงจะเป็นใครไม่ได้ นอกจากชายที่มีชื่อว่า ประพฤติ ชัยธนสกุล หรือในชื่อที่คุ้นหูแฟนกีฬาชาวไทยก็คือ “รมย์ สุรินทร์” นั่นเอง เหตุผลที่ต้องบอกแบบนั้นก็เพราะว่า ครั้งหนึ่งรมย์ สุรินทร์ สามารถก้าวขึ้นไปถึงตำแหน่งแชมป์ ในการแข่งขันบิลเลียดชิงแชมป์โลก ที่ประเทศสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ในปี 2542 และยังคว้าตำแหน่งรองแชมป์โลกอีก 2 สมัยอีกด้วย

“รมย์ สุรินทร์” เป็นนักกีฬาที่ชาวไทย ได้ยินชื่อของเขามาอย่างยาวนาน มากว่ายี่สิบสามสิบปีเห็นจะได้ โดยเริ่มต้นเส้นทางสายกีฬาของเขา จากการเล่นสนุกเกอร์ ซึ่งเขาถือเป็นนักสนุกเกอร์ฝีมือดี คนหนึ่งของประเทศไทยเลยทีเดียว โดยมีรางวัลการันตีฝีมือเขา มากมายหลายรายการ นับตั้งแต่แชมป์ประเทศไทย 5 สมัย แชมป์ระดับทวีปเอเชีย 2 สมัย และรองแชมป์โลกประเภทสมัครเล่นอีกหนึ่งสมัย ที่แพ้ในรอบชิงชนะเลิศ ให้แก่เพื่อนร่วมชาติไทย อย่างต่าย พิจิตร ที่ประเทศปากีสถาน ในปี 2536

สำหรับเส้นในกีฬาบิลเลียดนั้น นับเป็นกีฬาที่เขาประสบความสำเร็จ มากกว่าสนุกเกอร์เสียอีก เมื่อเจ้าตัวหันมาจับกีฬาชนิดนี้ ควบคู่กันไปกับกีฬาที่สร้างชื่อมาอย่างสนุกเกอร์ ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงความสามารถ ในเชิงกีฬาสอยคิวของเขา ให้เป็นที่ประจักษ์ และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย มากมายหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาซีเกมส์ ที่กวาดมาถึง 5 เหรียญทอง เอเชี่ยนเกมส์อีก 2 เหรียญทอง เอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ 4 เหรียญทอง รองแชมป์โลก 2 สมัย และแชมป์โลกอีก 1 สมัยดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ส่วนรายการแข่งขันภายในประเทศนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เขากวาดมาแล้วแทบจะทุกรายการ

ปัจจุบัน รมย์ สุรินทร์ ในวัย 58 ปี ยังคงเป็นกำลังสำคัญ ในทัพนักสอยคิวทีมชาติไทย ซึ่งนอกจากเขาจะเป็นนักกีฬาฝีมือดี ที่ประสบความสำเร็จมาอย่างมากมาย บนเส้นทางอาชีพของเขาแล้ว เขายังเป็นตัวอย่างที่ดีของนักสอยคิวรุ่นน้องอีกด้วย ซึ่งทางสมาคมก็น่าจะกำลังต้องการ สร้างนักกีฬาสายเลือกใหม่ เพื่อเข้ามาเสริมทัพและก้าวขึ้นมาทดแทน ผู้เล่นรุ่นพี่อย่างเขาในระยะยาว และด้วยประสบการณ์อันยาวนาน บนเส้นทางสอยคิวของเขา จะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับ การพัฒนานักกีฬาสายเลือดใหม่ ไม่ว่าจะในฐานะนักกีฬารุ่นพี่ หรือผู้ฝึกสอนหลังจากเลิกเล่นไปแล้ว นั่นเท่ากับว่าเขาจะยังคงเป็น ส่วนสำคัญให้แก่วงการสอยคิว ทีมชาติไทยไปอีกนานเลยทีเดียว

นี่คือนักกีฬาคนหนึ่งของประเทศไทย ที่ก้าวขึ้นไปสู่จุดที่เรียกว่า “ตำนาน” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และปัจจุบันเขาก็ยังไม่ได้วางมือจากวงการ ยังมีโอกาสที่รมย์ สุรินทร์ จะสร้างความยิ่งใหญ่ เพื่อเพิ่มเติมเกียรติยศ ให้แก่เรื่องราวเส้นทางนักกีฬาอันยิ่งใหญ่ของเขา ซึ่งไม่ว่าจะมีตำแหน่งแชมป์ใด ๆ เข้ามาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ก็สามารถพูดได้ว่า ครั้งหนึ่งเขาก็สามารถพาชื่อประเทศ และธงชาติไทย ขึ้นไปอยู่บนตำแหน่งแชมป์โลกมาได้แล้ว อย่างเต็มภาคภูมิ